8 สิ่งที่ “คนทำงานประจำ” ต้องเจอ รู้ตอนนี้ดีกว่าเสียรู้ตอนแก่

0
13261

1. อย่าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

หลายคนเชื่อว่าโลกออนไลน์เป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะดู resume เราแล้ว ยังดูเฟสของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่าหน้าเฟสบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า

Resume เป็นสิบเท่า สิ่งที่เราโพสลงบนโลกออนไลน์ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง หรือ

ถ้าอย า กมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ แนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน เกลีย ดคนนั้น เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโพสต์เด็ดขาด โพสต์ปุ้บมีคนแคปไปฟ้องแน่นอน

2. จงเป็น “ลูกจ้างมืออาชีพ”

ถ้าอย า กเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข จงเป็น “ลูกจ้างมืออาชีพ” ให้ได้ ลูกจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า “เราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง”

นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่างจากเราแลกกับค่าตอบแทนนั้นๆ เราต้องรู้ว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร และทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังหากต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่

หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป ควรจะหางานที่เราทำแล้วเรามีความสุขและทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด

นอกจากจะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย แต่ก็ไม่ได้จะเชียร์ให้เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะ อดทนทำไปจนถึงจุดหนึ่ง

เราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ใช่ให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าในที่สุดเราเจอสายอาชีพที่เรารักและอย า กทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

และ ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน “เราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง” อย่าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ต้องมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆ บ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ? อย่าลืมว่าพ่อแม่แก่ลงทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกกับความสุขของพ่อแม่

3. มีแฟนในที่ทำงานได้แต่ต้องยอมรับผลที่ตามมา

ถ้าคุณเป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แนะนำว่าอย่ามีแฟนในที่ทำงาน ไม่ได้บอกว่าไม่ควรคบคนในที่ทำงาน แต่ถ้าคบแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้ อาจต้องเจอเหตุการณ์เช่น

ทะเลาะกับแฟนมาแล้วต้องมาคุยงานกัน มีใครบ้ า งแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากงานได้ 100% บ้ า ง ถ้าไม่ต้องเจอหน้ากันทุกวันหรือทำงานใกล้ชิดก็ยังพอโอเค แต่ถ้าทีมเดียวกันอาจจะเหนื่อยหน่อย ทะเลาะกันขึ้นมาเมื่อไหร่รู้ทีค่อนบริษัท

4. หาคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานให้เจอ

ความแตกต่างระหว่าง “เพื่อน” กับ “เพื่อนร่วมงาน” คืออะไร…? ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย า กก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย า กเท่าสมัยมัธยม และ การหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย า กเท่าตอนเข้ามหาวิทย า ลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนย า กขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่จริงใจคนนึงในออฟฟิศมันย า กแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผล

ตอบแทน ทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราคือไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน ดังนั้นวันๆ เราจึงจะเจอแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ เราคิดว่ามันคือกำไรชีวิต

พย า ย า มหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย า กไปทำงานมากขึ้น ให้เราลองถามตัวเองว่า “ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย า กนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม…?” ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนจริงๆ ในที่ทำงานแล้วววว

5. สนใจแต่อย่าใส่ใจลู่วิ่งคนอื่น โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา

เมื่อทำงานไปนานๆ เราอาจเห็นเพื่อนๆในที่ทำงานของเราหลายคนเริ่ม ออกไปเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆ บางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง

ไอคนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดีแล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ จงจำไว้ว่าอย่าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาด โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร

รู้ว่าปลายทางเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเองให้พย า ย า มมากขึ้น แต่อย่าเอามาเปรียบเทียบจนทำให้ตัวเองทุกข์

6. เล่นการเมืองกับทุกคน

เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้หมายความว่าให้เราไม่จริงใจกับใคร แต่การเล่นการเมืองกับทุกคนคือ.. การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่างไร ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือฝืนตัวเองมากๆ นะ แต่แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ “อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร”

ได้อย่างไรจะทำให้เราได้เปรียบมากๆ นอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆ ทักทายสวัสดีตามมารย า ท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย… เราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับใคร เพราะฉะนั้น อย่าสร้างศั ต รู เด็ดขาด…!!!

7. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุเรายังน้อยนี่คือข้อได้เปรียบสุด เพราะ อายุยังน้อยความคาดหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ทำอะไรผิดก็มักมีคนให้อภัยเสมอ ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกกดดันในการทำงานสุดๆ แต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 ถึงวันนั้นจะไม่มีคนคุ้มกะลาหัวเราด้วยซ้ำ

8. เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่างเดียว

เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย า กจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆ ในชีวิต เช่น เก็บเงินซื้ อ บ้ า น ซื้ อ รถ เที่ยวรอบโลก การเปลี่ยนมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ เพราะการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ

และขาดความมั่นใจในตนเอง สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และอีกมากมาย ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร์อาทิตย์ ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย ตั้งใจทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่หาอย่างอื่นทำบ้ า งชีวิตจะได้ไม่เฉาคาที่ทำงาน

ที่มา : bitcoretech

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่