ต้นสังกัด โอม ภวัต ฟ้องแบรนด์ดัง หลังปลดจากพรีเซ็นเตอร์ ยันไม่ได้ทำผิดสัญญา

0
16934

ต้นสังกัด โอม ภวัต ฟ้องแบรนด์ดัง หลังประกาศปลดจากพรีเซ็นเตอร์ ยันไม่ได้ทำผิดสัญญา ย้ำเป็นเรื่องในอดีต-ไม่ขัดต่อกฎหมาย

วันที่ 20 เม.ย.2566 ที่ ชั้น21 อาคารจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ คุณสุจรรยา วิลเลกัส ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) ตัวแทน บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ชี้แจงกรณีฟ้องดำเนินคดี บริษัท UGO Nutrition จำกัด หลังบริษัทดังกล่าวร่อนหนังสือประกาศปลด โอม ภวัต จิตต์สว่างดี นักแสดงในสังกัดจีเอ็มเอ็มทีวี ยุติบทบาทหน้าที่การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ โอม ภวัต พระเอกซีรีส์ดัง เป็นประเด็นถูกพูดถึงในโลกออนไลน์เกี่ยวกับพฤติกรรมในอดีต โดยเจ้าตัวได้ออกมายอมรับว่าเคยบูลลี่และแกล้งเพื่อนที่เป็นออทิสติก พร้อมทั้งได้ขอโทษ รู้สึกผิด และรู้สึกเสียใจ ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นบทเรียนราคาแพง ซึ่งพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นมาตลอด

ต่อมาแบรนด์ดังกล่าวได้ร่อนหนังสือประกาศปลดพระเอกหนุ่ม โดยมีเนื้อหาใจความว่า “ประกาศการยุติบทบาทพรีเซ็นเตอร์ของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี ให้กับแบรนด์ UGO Nutrition จากเรื่องของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี ที่เป็นประเด็นในโลกออนไลน์ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทางบริษัท UGO Nutrition ไม่เคยนิ่งนอนใจ และได้เป็นฝ่ายติดต่อต้นสังกัดของศิลปินอย่างจริงจังหลายครั้ง แต่ต้นสังกัดเพิกเฉยต่อสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด”

“UGO Nutrition ให้ความสำคัญกับความรัก คุณค่าความเท่าเทียม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความรับผิดชอบเราจึงตัดสินใจยุติบทบาทพรีเซ็นเตอร์ของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2566 เป็นต้นไป บริษัท ยูโก นูทรีชันน์ จำกัด” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วโดย คุณสุจรรยา กล่าวว่า “ที่มาในวันนี้ก็เนื่องจากว่ากรณีที่ทางบริษัท UGO Nutrition จำกัด ได้มีประกาศยุติบทบาทการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี โดยที่ไม่มีเหตุผลอันควรในการที่ยุติบทบาทพรีเซ็นเตอร์อันนั้น รวมถึงทางจีเอ็มเอ็มทีวีไม่ได้มีการผิดสัญญาหรือผิดข้อตกลงใดๆ กับทางบริษัท UGO ซึ่งการที่ UGO ออกประกาศลักษณะแบบนั้นทำให้บริษัทและศิลปินก็คือคุณโอม ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง”

“นับตั้งแต่มีกรณีพาดพิงคุณโอมในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตของคุณโอมในวัยเด็ก เป็นการกระทำที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมายนะคะ ต้องบอกแบบนี้ แล้วทางบริษัทเองไม่เคยเพิกเฉย เราไม่เคยนิ่ง เรามีการติดต่อเจรจากับทาง UGO มาตลอด มีการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน”

“เราเจรจากันมาหลายครั้ง จนถึงวันก่อนที่ทาง UGO จะมีประกาศตัวนั้นออกมาด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นการที่ UGO มีประกาศยุติบทบาทพรีเซ็นเตอร์ออกมา ทางบริษัทจีเอ็มเอ็มทีวีได้รับความเสียหาย ทางจีเอ็มเอ็มทีวีและศิลปินเลยต้องขอความเป็นธรรมในกรณีนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงและเกียรติภูมิของบริษัท รวมถึงศิลปิน โดยเราคงต้องขอพึ่งทางกระบวนการของศาลยุติธรรม เพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิ์และความเสียหายในเรื่องของชื่อเสียงของบริษัท และศิลปินต่อไปค่ะ”

เป็นไปได้หรือไม่ว่า จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นกับโอมส่งผลกระทบกับทางแบรนด์ จึงเป็นเหตุให้ตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นพรีเซ็นเตอร์ แม้สิ่งที่โอมทำจะไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดในแง่ของศีลธรรม? “อันนี้ทางเราคงตอบไม่ได้ คงต้องถามทาง UGO ค่ะ แต่ในเงื่อนไขสัญญาไม่ได้มีระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ ตอนนี้ทางเราดำเนินการฟ้องไปแล้ว ยื่นฟ้องละเมิดค่าเสียหาย ส่วนจำนวนเงินที่ฟ้องไป อันนี้คงพูดไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลในคดี”

หากทาง UGO ติดต่อมาขอไกล่เกลี่ย? “จริงๆ มันอยู่ในกระบวนการของทางศาล ยังไงทางคู่ความอีกฝั่งหนึ่งเขาย่อมต้องได้รับคำฟ้องอยู่แล้วค่ะ กระบวนการทางศาลต้องเจอกันอยู่แล้ว ถามว่านอกรอบไม่มีแล้วใช่ไหม มันยังตอบไม่ได้ เรายังไม่ทราบ เพราะเรายังไม่ได้รับการติดต่อมาค่ะ”

การที่ตัดสินใจฟ้องเป็นเพราะทางนั้นเขาร่อนจดหมายออกมาใช่ไหม? “เขาไม่ได้ร่อนจดหมายนะคะ อยู่ดีๆ เขาก็ประกาศ ทั้งที่เราเจรจากันตลอดเรื่อยมา จนก่อนวันประกาศเราก็ยังมีการคุยกัน แต่อยู่ดีๆ เขาก็ประกาศ ซึ่งทางเราไม่ทราบค่ะ”

หลังจากที่เขาประกาศไปแล้ว บริษัทได้รับผลกระทบเยอะไหม? “ก็จากที่สื่อออกข่าวก็มีผลกระทบกับชื่อเสียงของน้องและบริษัทค่ะ (จากดราม่านี้ยังมีผลกระทบกับสินค้าอื่นๆ หรืองานอื่นๆ ของโอมอีกไหม?) ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบค่ะ”

มองกระแสดราม่าของโอมยังไง เพราะหลายคนมองว่าบริษัทไม่ได้ออกมา Take Action อะไรเลย? “ทางบริษัทมองว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดในอดีตและเป็นเรื่องในวัยเด็ก โดยทางโรงเรียนก็ได้ลงโทษตามระเบียบของโรงเรียน เขาได้รับการลงโทษไปแล้ว น้องเองก็ได้ขอโทษไปแล้ว และมันไม่ใช่เป็นเรื่องที่กระทำผิดต่อกฎหมายว่ากันอย่างนั้นเถอะ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้นิ่งเฉย แต่นี่คือเหตุผลอย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องในอดีต และเขาได้รับการลงโทษตามวัยของเขา คือตอนนั้นเขายังเด็กอยู่”

แต่คนก็ยังขุดเรื่องนี้ออกมาอีก เพราะต้องการให้บริษัทออกมาพูดบ้าง? “คืออันนี้คิดว่าในแง่ของคนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เราคงห้ามไม่ได้ว่าใครจะคิดยังไง แต่ในแง่ของบริษัทมองที่ความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น ความเป็นมนุษย์ค่ะ คือมันต้องดูจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะไปตัดสินตามกระแสสื่อสังคมค่ะ”

ตอนนี้สภาพจิตใจของโอมเป็นยังไงบ้าง? “ก็คงไม่ดีหรอกค่ะ (โอมโดนโจมตีในโซเชียลเยอะ เขามาขอให้ดูแลเรื่องกฎหมายไหม?) อันนี้ยังไม่ทราบเรื่องนะคะ เพราะถ้าเราจะดูก็คงเป็นในแง่ของเรื่องการกระทำที่ละเมิดหรือขัดต่อกฎหมาย ละเมิดสิทธิของน้อง เราถึงจะดูค่ะ”

การที่บริษัทยื่นฟ้องทางแบรนด์นั้น กลัวคนจะมองว่าค่ายปกป้องโอมเกินไปไหม? “ต้องบอกว่าอันนี้เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงและเป็นเรื่องของธุรกิจนะคะ มันเกิดขึ้นจริง อย่างที่แจ้งว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายยุติการเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระแสสังคมจะตัดสินจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นค่ะ”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่